การเตะฟินเป็นอีก 1 ทักษะที่สำคัญและส่งผลต่อการดำน้ำ เพราะช่วยในการเคลื่อนที่ใต้น้ำหรือบังคับทิศทาง หากเราฝึกทำได้อย่างถูกต้องเป็นธรรมชาติจนเกิดความชำนาญ จะช่วยให้ทักษะพื้นฐานของเราดีและต่อยอดได้ง่ายขึ้น วันนี้เราเลยจะมาบอกข้อดีของการเตะฟินดำน้ำอย่างถูกวิธี และแนะนำวิธีการเตะฟินแต่ละแบบในการดำน้ำกัน
ข้อดีของการเตะฟินดำน้ำอย่างถูกวิธี
- ทำให้การเคลื่อนไหวและการควบคุมทิศทางใต้น้ำง่ายขึ้น
- ทำให้การใช้อากาศในการดำน้ำดีขึ้น เพราะหากเราตีฟินอย่างเหมาะสมและถูกต้อง จะทำให้เราใช้กล้ามเนื้อน้อยลงจึงไม่จำเป็นต้องใช้อากาศมาก
- ส่งผลดีต่อธรรมชาติและสภาพแวดล้อมใต้ท้องทะเล เพราะเราจะสามารถบังคับทิศทางได้ ไม่ไปเตะปะการังหรือพืชน้ำอื่นๆ ให้หักหรือเสียหายช่วยให้ไม่เตะทรายให้ฟุ้งกระจายขึ้นมา
- ทำให้การดำน้ำสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น
- ทำให้การดำน้ำของเราดูดี ดูเท่ห์ เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
เวลาไปดำน้ำเคยสังเกตคนอื่นรอบๆ ตัวไหม ว่าแต่ละคนจะมีวิธีการเตะฟินที่แตกต่างกันออกไป แล้วพวกท่าทางแต่ละแบบมันส่งผลต่างกันอย่างไร ? หรือควรใช้แต่ละท่าในสถานการณ์ไหน ? วันนี้เราจะพาไปดูเทคนิคการเตะฟินพื้นฐานแต่ละแบบกันว่าดีอย่างไร และแต่ละท่าควรใช้ในสถานการณ์แบบไหน เพื่อการฝึกและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
ประเภทของท่าเตะฟินดำน้ำ
ประเภทของท่าเตะฟินดำน้ำมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภทดังนี้
1. Flutter Kick
เป็นท่าพื้นฐานที่ผู้คนใช้กันทั่วไป ตั้งแต่คนที่เริ่มดำน้ำครั้งแรก การเตะขาคล้ายกันกับการว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ คือเหยียดขาให้ตรงและเตะขาจากสะโพกขึ้น ลงอย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่นักดำน้ำจะทำผิดเมื่อทำท่านี้ คือ การงอและเตะขาโดยใช้เข่าเหมือนกับท่าทางการปั่นจักรยาน แทนการใช้แรงจากสะโพก การเตะขาจากเข่าทำให้ลดประสิทธิภาพในการเตะขาและจะยิ่งทำให้เหนื่อยเร็วเพราะต้องใช้แรงที่มากขึ้น ข้อดีของท่า Flutter Kick คือมีพลังและแรงส่งมาก และสามารถควบคุม กำหนดได้ว่าเราต้องการเคลื่อนที่ในน้ำให้เร็วขนาดไหนโดยการควบคุมการเตะขาในแต่ละครั้ง เทคนิคนี้เหมาะกับการดำน้ำที่ต้องการว่ายน้ำแบบเร็วๆหรือสู้กระแสน้ำแรง ข้อเสีย คือใช้แรงเตะมากส่งผลให้เหนื่อย และทำให้การใช้อากาศมากขึ้นตามไปด้วย และไม่เหมาะกับการดำน้ำในถ้ำหรือซากเรือ
2. Frog Kick
การเตะท่ากบให้เรางอเข่าขึ้น 90 องศา อ้าขาออกโดยให้ฟินขนานกับพื้น และเตะขาทั้ง 2 โดยการให้ชี้ฝ่าเท้าเข้าหากัน และดันเข้าหากันเพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า การเตะท่ากบเราไม่จำเป็นต้องเตะขาต่อเนื่องเหมือนท่า Flutter kick แต่เป็นการเตะและให้แรงส่งส่งเราเคลื่อนที่ต่อไป ทำให้เราประหยัดพลังงานในการใช้แรง ส่งผลให้เราใช้อากาศน้อยลงอีกด้วย หากเราดำน้ำอยู่ใกล้พื้นทะเล การเตะท่ากบจะช่วยให้ฟินของเราไม่ไปเตะทรายข้างล่างหรือปะการังและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ตามพื้น
3. Helicopter Kick
ท่านี้เหมาะกับการบังคับทิศทางในการหมุนซ้าย ขวา และร่างกายยังอยู่ในตำแหน่งเดิม โดนไม่ต้องใช้มือหรือแขนช่วย การเตะฟินเทคนิคนี้คล้ายๆ กับการเตะท่ากบ แต่ใช้เท้าเตะเพียงข้างเดียว จะทำให้เราหันไปทิศทางตรงกันข้ามกับเท้าที่เตะ ข้อดีของการเตะท่าเฮลิคอปเตอร์ คือการดำน้ำในพื้นที่ที่แคบ เช่น ดำในถ้ำ, ดำในซากเรือ เราสามารถหมุนตัวได้โดยไม่ไปเตะสิ่งกีดขวางใดๆ หรือในขณะที่มือเราไม่ว่าง เช่น ถือกล้องถ่ายรูปและต้องการหมุนตัว เราก็สามารถใช้ท่านี้ในการบังคับทิศทางได้
4. Reverse Kick
หรือ Back kick ท่านี้เป็นการดำน้ำแบบถอยหลังและร่างกายยังคงอยู่ในท่าเดิม โดยเราไม่ต้องใช้มือหมุนตัวเพื่อกลับหลังและว่ายออกไป การเตะท่านี้ทำได้โดยการเตะท่ากบแบบย้อนหลัง เหมือนกับชื่อท่า คือ Reverse เหยียดขาให้ตรง หมุนข้อเท้าและฟินกวาดออกไปด้านข้าง แล้วดึงขากลับเข้าหาตัวโดยการงอเข่า ท่านี้เป็นท่าที่ยากที่สุด และต้องใช้การฝึกฝน แต่หากทำได้แล้วการดำน้ำของเราจะสะดวกมากยิ่งขึ้น เราสามารถถอยหลังกลับโดยไม่ต้องใช้มือจับกำแพงหรือพื้นเพื่อที่จะหมุนตัวหันหลังกลับ ทำให้เกิดผลดีต่อสภาพแวดล้อมอีกด้วย เพราะไม่ต้องไปแตะต้องหรือสัมผัสสิ่งรอบตัว
เมื่อรู้เทคนิคการเตะฟินแล้ว นักดำน้ำที่ผ่านหลักสูตรพื้นฐานมา ควรลองหาทริปออกดำน้ำดูปะการังและฝึกเตะฟินไปด้วยเลย ยิ่งได้ฝึกฝนการเตะฟินบ่อยๆ จะยิ่งทำให้เราเตะได้ดีขึ้นและมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย นอกจากจะทำให้การดำน้ำของเรามีประสิทธิภาพ ประหยัดอากาศมากกว่าเดิม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงเพื่อนนักดำน้ำคนอื่นๆ แล้ว ยังทำให้การดำน้ำของเราดูเท่ห์ เป็นมืออาชีพมากขึ้น ถ่ายรูปมุมไหนออกมาก็สวย ใครที่สนใจดำน้ำโดยอยากมาลองเทคนิคเตะฟินแต่ละแบบ สนใจเรียนดำน้ำ หรืออยากออกทริปดำน้ำสามารถติดต่อสอบถามกับ Amity ได้เลยค่า คุณครูทุกคนพร้อมให้คำแนะนำและเทคนิคดีๆ กลับไปแน่นอน